ประกันตัวผู้ต้องหา 15 คนคดี นปป. ทนายเรียกร้องผู้มีอำนาจ “อย่ามองประชาชนในแง่ลบ” และ “ใช้อำนาจในกรอบ สร้างสุขให้ประชาชน”
ช่วงบ่ายวันนี้ 23 ส.ค. ศาลทหารกรุงเทพฯ ได้อนุญาตให้ประกันตัวกลุ่มพรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย (นปป.) 15 คน แล้ว ขณะที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ แสดงความเชื่อมั่นว่าลักษณะการรวมตัวของพวกเขาไม่เข้าข่ายตามข้อกล่าวหาว่าเป็นอั้งยี่ แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว กลุ่มคนทั้งหมดยังถูกกล่าวหาด้วยว่ามีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ในเรื่องการชุมนุมกันทางการเมืองมากกว่า 5 คนขึ้นไป
นายวิญญัติ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าทีมทนายความใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินและเงินสดที่มาจากการรวมกันของญาติ ๆ และผู้มีน้ำใจมูลค่า 1.5 ล้านบาท เฉลี่ยการประกันตัวอยู่ที่วงเงินคนละ 100,000 บาท ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วมีความพยายามจะขอประกันตัวตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่เนื่องจากมีความผิดพลาดในเรื่องการเตรียมหลักทรัพย์ทำให้ขอประกันไม่ได้
สำหรับการได้ประกันตัวในวันนี้ ศาลมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
นายวิญญัติตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องของกลุ่ม นปป.ที่ถูกตั้งข้อหาอั้งยี่ว่า ถ้าดูจากลักษณะการรวมตัว จากโครงสร้างของกลุ่ม เป็นการรวมตัวแบบไม่เป็นทางการ คล้ายคลึงกับการรวมตัวกันของกลุ่มต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดียและเป็นการรวมตัวของคนที่มีความคิดเห็นสอดคล้องหรือมีอุดมการณ์ร่วมกันเพื่อที่จะคุยกันได้รู้เรื่อง
“แต่สิ่งที่เห็นทางกายภาพคือ ทุกคนอายุมากแล้ว มีอาวุโส จะไปก่อการอะไรได้ ความคิดทางการเมืองอาจจะมี เป็นเรื่องที่ทุกคนคิดได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มันต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์” พร้อมกันนั้นระบุว่า การรวมกลุ่มแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องที่เป็นสิทธิของประชาชนและอยากให้มองบริบทมากกว่า “ผมว่าเขาทำอยู่ในกรอบกฎหมาย ผมอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ใช้กรอบกฎหมายด้วย เรายืนยัน ณ เวลานี้ในฐานะนักกฎหมายว่าการกระทำของพวกเขาไม่เข้าข่าย”
เมื่อถามว่าถ้าดูจากหลักฐานของเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าจะสามารถเอาผิดถึงขั้นว่ามีการกระทำที่เป็นอั้งยี่ตามข้อกล่าวหาได้หรือไม่ นายวิญญัติชี้ว่า ข้อกล่าวหาเรื่องมีการกระทำเป็นอั้งยี่ต้องมีองค์ประกอบคือ ต้องเป็นคณะบุคคลที่มีสภาพการเป็นองค์กรที่ชัดเจน มีการจัดตั้งอย่างเป็นรูปธรรม มีข้อเรียกร้องให้รัฐดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่กระทบความมั่นคงของรัฐ และแสดงความเชื่อมั่นว่ากลุ่ม นปป.ไม่เข้าข่ายการกระทำดังกล่าว พร้อมระบุว่า ในแง่ของหลักฐานตนไม่กังวลใจเรื่องที่จะต้องต่อสู้ในประเด็นนี้
“พนักงานสอบสวนหรือผู้กล่าวหาต้องพิสูจน์ให้ได้สำหรับข้อกล่าวหา ถ้าทำไม่ได้มันจะสะท้อนกลับไปหาพวกท่านเองว่า พวกท่านใช้ดุลพินิจแบบไม่มีมาตรฐานหรือไม่ ไม่ใช่เอาบทบัญญัติมาตั้งอย่างเดียว แล้วมองว่าการกระทำของประชาชนที่เป็นการปกปิดเป็นลักษณะของอั้งยี่หรือครับ”
เขาย้ำว่า สิ่งที่กังวลใจคือทัศนะของผู้มีอำนาจที่มองประชาชนในด้านลบ “คือความเห็นของผู้ใหญ่หรือผู้มีอำนาจ มองประชาชนเป็นอันตราย มองในแง่ลบ ไม่มองแง่บวก คอมมิวนิสต์ไม่มีแล้วในปัจจุบัน ถึงมีก็ไปไม่รอด ความคิดแบบคอมมิวนิสต์ มันก็คือแนวคิดให้ประชาชนเป็นใหญ่ มีสวัสดิภาพที่ดี ผมว่าไม่มีใครอยากก่อการแบบนี้ อยากวิงวอนไปสู่ผู้มีอำนาจไม่ว่าระดับไหนก็ตาม อยากให้มองประชนชนในแง่บวก อย่ามองประชาชนเป็นอันตราย ทุกวันนี้อำนาจอยู่ในมือท่านหมดแล้ว ใช้ให้ระมัดระวังประชาชนจะมีความสุข”
นายวิญญัติกล่าวด้วยว่า สำหรับบุคคลอีกสองคนที่มีชื่อถูกออกหมายจับพร้อมกลุ่มคนทั้ง 15 คนดังกล่าว วันนี้ได้มีทนายความส่วนตัวไปขอยื่นเรื่องต่อศาลขอให้เพิกถอนหมายจับและศาลกำลังอยู่ระหว่างการไต่สวน พร้อมระบุว่า คนทั้งสองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลทั้ง 15 คน เพียงแต่อาจมีส่วนสัมพันธ์กับอดีตผู้ต้องหาในคดีขอนแก่นโมเดลรายหนึ่ง
“หน่วยข่าวเพียงสงสัยก็นำประชาชนไปเป็นผู้ต้องหา อันนี้นับเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับพวกเราทุกคน ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำซาก เพราะเป็นเรื่องของการใช้อำนาจที่ค่อนข้างจะเป็นอันตราย” พร้อมกันนั้นระบุว่า การเอาผิดประชาชนจากการแสดงความคิดเห็นมีมาหลายคดีแล้วรวมทั้งคดีจดหมายที่เชียงใหม่ซึ่งถูกตั้งข้อหาว่าเป็นการกระทำที่เป็นอั้งยี่ด้วย
“ขณะนี้ประชาชนทุกคนมีโอกาสหมด ขึ้นอยู่กับทัศนะของผู้มีอำนาจ ถ้าคิดเล็กคิดน้อยมองทุกอย่างเป็นเรื่องกระทบความมั่นคงทั้งหมด เอามาเป็นความผิดทั้งหมด อันนั้นทำได้เพราะพวกท่านมีอำนาจ แต่สะท้อนว่าการใช้อำนาจแบบนี้ไม่สร้างความสุขให้ประชาชนเลย” พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิกการนำตัวพลเรือนขึ้นศาลทหารด้วย เนื่องจาก “เรากำลังจะเข้าสู่โหมดปกติ”
(ภาพ นายวิญญัติ ชาติมนตรี อยู่ด้านขวาของภาพ)
Post A Comment:
0 comments: