บีบีซีไทย - BBC Thai
ตำรวจยืนยันเหตุระเบิด 7 จังหวัดใต้ไม่โยงก่อการร้ายสากล และไม่เกี่ยวข้องกับระเบิดราชประสงค์
“ศรีวราห์” ขอถอนหมายจับข้อหาวางเพลิงหนุ่มเชียงใหม่ แต่สั่งให้ตำรวจในพื้นที่รวบรวมหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับข้อหาครอบครองวัตถุระเบิด ด้านรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุคดีคืบหน้าไปมาก และเหตุที่เกิดไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายสากลและกรณีระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อปีก่อน
พล.ต.ต.ปิยพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กล่าวในการแถลงประจำวันว่าการสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค. คืบหน้าไปมากแล้ว โดยยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการก่อวินาศกรรมเฉพาะพื้นที่ เป็นการก่อกวน ยังไม่ได้มีการเชื่อมโยงกลุ่มองค์กรแต่อย่างใด และยืนยันได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ปีที่แล้ว เพราะเป็นคนละมูลเหตุจูงใจ คนละอุดมการณ์
ทั้งนี้ ข่าวที่มีการออกหมายจับผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งซึ่งมีภูมิลำเนาในจังหวัดชายแดนใต้และหลบหนีหมายจับจากข้อกล่าวหาว่ามีส่วนก่อเหตุในพื้นชายแดนใต้นั้น พล.ต.ต.ปิยพันธ์ระบุว่า ถ้าสามารถจับกุมคนร้ายรายนี้ได้จะมีการขยายผลและรายงานกับสื่อมวลชนอีกครั้งแต่ขณะนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเหตุจูงใจประเภทใด สำหรับบุคคลอื่นๆ เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยในหลักการยังเปิดเผยอะไรมากไม่ได้เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายต่อรูปคดี
อีกด้านหนึ่ง สื่อหลายสำนักรายงานว่าพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล หัวหน้าทีมสืบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอเพิกถอนหมายจับนายศักรินทร์ คฤหัสถ์ ชาว จ.เชียงใหม่ ในข้อหาวางเพลิง โดยสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อนุญาตไว้ในครอบครอง
แฟ้มภาพ: เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 12 ส.ค.
ตำรวจยืนยันเหตุระเบิด 7 จังหวัดใต้ไม่โยงก่อการร้ายสากล และไม่เกี่ยวข้องกับระเบิดราชประสงค์
“ศรีวราห์” ขอถอนหมายจับข้อหาวางเพลิงหนุ่มเชียงใหม่ แต่สั่งให้ตำรวจในพื้นที่รวบรวมหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับข้อหาครอบครองวัตถุระเบิด ด้านรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุคดีคืบหน้าไปมาก และเหตุที่เกิดไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายสากลและกรณีระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อปีก่อน
พล.ต.ต.ปิยพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กล่าวในการแถลงประจำวันว่าการสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค. คืบหน้าไปมากแล้ว โดยยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการก่อวินาศกรรมเฉพาะพื้นที่ เป็นการก่อกวน ยังไม่ได้มีการเชื่อมโยงกลุ่มองค์กรแต่อย่างใด และยืนยันได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ปีที่แล้ว เพราะเป็นคนละมูลเหตุจูงใจ คนละอุดมการณ์
ทั้งนี้ ข่าวที่มีการออกหมายจับผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งซึ่งมีภูมิลำเนาในจังหวัดชายแดนใต้และหลบหนีหมายจับจากข้อกล่าวหาว่ามีส่วนก่อเหตุในพื้นชายแดนใต้นั้น พล.ต.ต.ปิยพันธ์ระบุว่า ถ้าสามารถจับกุมคนร้ายรายนี้ได้จะมีการขยายผลและรายงานกับสื่อมวลชนอีกครั้งแต่ขณะนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเหตุจูงใจประเภทใด สำหรับบุคคลอื่นๆ เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยในหลักการยังเปิดเผยอะไรมากไม่ได้เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายต่อรูปคดี
อีกด้านหนึ่ง สื่อหลายสำนักรายงานว่าพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล หัวหน้าทีมสืบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอเพิกถอนหมายจับนายศักรินทร์ คฤหัสถ์ ชาว จ.เชียงใหม่ ในข้อหาวางเพลิง โดยสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อนุญาตไว้ในครอบครอง
แฟ้มภาพ: เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 12 ส.ค.
Post A Comment:
0 comments: