โครงการสอนภาษาถิ่นในโรงเรียนชายแดนภาคใต้คว้ารางวัล Literacy Prize จากยูเนสโก
โครงการสอนภาษาถิ่นในโรงเรียนชายแดนภาคใต้คว้ารางวัล Literacy Prize จากยูเนสโก
โครงการส่งเสริมการเรียนการสอนด้วยภาษาถิ่นในโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 10 จ. นราธิวาส เป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับรางวัลเนื่องในโอกาสวันการรู้หนังสือสากล (International Literacy Day) จากองค์การยูเนสโกในปีนี้ รางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่ชื่อว่า “จักรพรรดิเซจง” (King Sejong Literacy Prize) ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อกษัตริย์ของเกาหลีผู้ทรงมีนโยบายให้ประดิษฐ์และประกาศใช้อักษรภาษาเกาหลี ในคริสต์ศตวรรษที่ 15
สำหรับโครงการสอนสองภาษาของโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 10 ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วิจัยปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาท้องถิ่นและภาษาไทยเป็นสื่อ: กรณีการจัดการศึกษาแบบทวิภาษา (ภาษาไทย-ภาษามลายูถิ่น) ในโรงเรียนเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ.2549 โดย สถาบันวิจัยด้านภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ภายใต้การสนับสนุนจากองค์การยูนิเซฟประเทศไทยและพันธมิตร มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลการเรียนของนักเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่พูดภาษามลายูถิ่น
ทั้งนี้ การศึกษาจากทั่วโลกรวมถึงจากยูเนสโกและยูนิเซฟ ชี้ว่าเด็กๆ จะมีผลการเรียนที่ดีขึ้นมากหากพวกเขาได้เรียนโดยใช้ภาษาถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงชั้นปฐมวัย
นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าการสอนด้วยภาษาถิ่น จะทำให้เด็กเรียนได้ดีขึ้นและมีพื้นฐานที่ดีในเรื่องการอ่านเขียนและการคำนวณ เราพบว่าเด็กในจังหวัดชายแดนใต้มีผลการเรียนที่อยู่ในกลุ่มเกณฑ์ที่ต่ำที่สุดของประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเด็กๆ หลายคนมีความยากลำบากในการปรับตัวและทำความเข้าใจเมื่อเรียนเป็นภาษาไทย เราจึงริเริ่มโครงการนี้เพื่อแก้ประเด็นดังกล่าว”
ในส่วนของรางวัล องค์การยูเนสโกได้ระบุว่า คณะกรรมการตัดสิน "ความสำเร็จของโครงการในการทำให้ผลการเรียนของเด็กนักเรียนที่พูดมาลายูในโรงเรียนประถมทางภาคใต้ของไทยดีขึ้นอย่างยั่งยืน"
ศ.ดร.สุวิไล เปรมศรีรัตน์ จากสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ขึ้นรับรางวัลที่กรุงปารีสเมื่อวานนี้ กล่าวว่า โครงการนี้ใช้ภาษามลายูถิ่นเป็นภาษาหลักในการเรียนการสอนชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 1 แล้วจึงค่อยๆ นำภาษาไทยและภาษาอังกฤษมาใช้ในระดับที่สูงขึ้น และโครงการนี้แสดงให้เห็นว่าการเรียนการสอนแบบทวิภาษานั้น สามารถช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในโรงเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ และยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่เด็กๆ เราหวังว่าโครงการนี้จะเป็นต้นแบบให้กับโรงเรียนอื่นๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศไทยที่มีการใช้ภาษาถิ่น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนการสอนด้วยภาษาถิ่นในประเทศไทยต่อไป
ภาพประกอบจากคลังภาพ
Post A Comment:
0 comments: