About

About
woywhyweb

slider

Recent

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

คลังบทความของบล็อก

Navigation

ใช้ ม. 44 ยกเลิกอำนาจศาลทหารในการพิจารณาคดีความมั่นคงบางเรื่อง

บีบีซีไทย - BBC Thai

นายกฯใช้ ม. 44 ยกเลิกอำนาจศาลทหารในการพิจารณาคดีความมั่นคงบางเรื่อง ชี้เป็นการผ่อนคลายหลังบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ด้านทนายสิทธิชี้สถานการณ์ยังไม่สงบ และผู้ที่ถูกดำเนินคดีก่อนหน้านี้ ยังคงต้องถูกดำเนินคดีในศาลทหารเช่นเดิม

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 55/2559 ลงวันที่ 12 ก.ย.2559 เรื่อง การดําเนินการเกี่ยวกับคดีบางประเภทที่อยู่ในอํานาจศาลทหาร โดยนายกรัฐมนตรีอาศัยอำนาจตาม ม.44 มีคำสั่งให้การกระทำความผิดตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 37/2557 ฉบับที่ 38/2558 และ ฉบับที่ 50/2557 ให้อยู่ในอำนาจการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมนับแต่นี้เป็นต้นไป เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองในรอบสองปีที่ผ่านมามีความสงบเรียบร้อย ประชาชนให้ความร่วมมือนำประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และร่างรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบอย่างท่วมท้น จึงสมควรผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อทุกฝ่ายจะได้ใช้สิทธิ ปฏิบัติหน้าที่และได้รับความคุ้มครองตามกลไกของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาคดีของศาลทหาร ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 มีอาทิ 1. ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (1) ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่มาตรา 107 ถึงมาตรา 112 (2) ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่มาตรา 113 ถึงมาตรา 118 ยกเว้นความผิดซึ่งการกระทำผิดเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 หรือพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

สำหรับรายละเอียดของคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 55/2559 มีดังนี้

ข้อ 1 บรรดาการกระทําความผิดตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร ประกาศ คสช. ฉบับที่ 38/2557 เรื่อง คดีที่ประกอบด้วยการกระทําหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอํานาจของศาลทหาร และประกาศ คสช. ฉบับที่ 50/2557 เรื่องให้ศาลทหารมีอํานาจพิจารณา พิพากษาคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม ซึ่งได้กระทําตั้งวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ ให้อยู่ในอํานาจการพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

บรรดาการกระทําความผิดที่อยู่ในอํานาจการพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมตามวรรคหนึ่ง ไม่หมายความรวมถึงการกระทําความผิดที่กฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลทหารบัญญัติให้เป็นอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลทหาร โดยให้การกระทําความผิดดังกล่าวยังคงอยู่ในอํานาจการพิจารณาพิพากษาของศาลทหารต่อไป

ข้อ 2 ให้เจ้าพนักงานตามคําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ และคําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทําลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ยังคงมีอํานาจหน้าที่ตามคําสั่งดังกล่าวต่อไป

ข้อ 3 ในกรณีเห็นสมควร ให้นายกรัฐมนตรีเสนอให้ คสช. แก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้ ข้อ 4 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ด้านนายอานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงการดำเนินคดีเดิมที่ยังค้างการพิจารณาอยู่ในเขตอำนาจของศาลทหาร ส่วนคดีที่ยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีในศาลทหาร แต่การกระทำความผิดเกิดขึ้นในช่วงที่คำสั่ง คสช.ที่ 37/2557 และ 38/2557 บังคับใช้นั้น หากถูกจับกุมก็ต้องถูกพิจารณาคดีในศาลทหารเช่นเดิม

นายอานนท์ ให้ข้อมูลว่าสำหรับคดีที่ไม่ต้องพิจารณาคดีในศาลทหารคือคดีที่เกิดขึ้นหลังจากคำสั่ง คสช.ที่ 55/2559 ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ดังนั้นการที่หลายคนเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลายลงแล้วนั้นคงไม่ใช่ เขาเห็นว่าสิ่งที่ถูกต้องคือจะต้องโอนคดีของพลเรือนทั้งหมดไปพิจารณาในศาลยุติธรรม ส่วนคดีที่ชำระไปแล้ว ควรให้นำกลับมาพิจารณาใหม่โดยศาลยุติธรรม ซึ่งประกาศ คสช.ฉบับที่ 55/2559 ไม่ได้เขียนเช่นนั้น
Share
Banner

Post A Comment:

0 comments: