
“วิษณุ” เผยยังมีคดีที่พลเรือนต้องขึ้นศาลทหารอีกราว 500 คดี
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เผยศาลทหารจะยังคงพิจารณาคดีความที่เกี่ยวกับพลเรือนอีกราว 500 คดี แม้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะออกคำสั่งที่ 55/2559 ให้ศาลยุติธรรมมีอำนาจพิจารณาคดีบางประเภทที่เคยอยู่ในอำนาจศาลทหารแล้วก็ตาม ส่วนในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ที่ยังประกาศใช้กฎอัยการศึก ผู้กระทำความผิดยังต้องขึ้นศาลทหาร ด้าน รมว.ยุติธรรมเผยไม่ได้ถูกกดดันจากประชาคมนานาชาติให้ยกเลิกการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร
นายวิษณุเปิดเผยว่า คดีที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่ 12 ก.ย. ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งของหัวหน้า คสช.มีผล ได้แก่ คดีตามความผิดมาตรา 112 และมาตรา 116 เกี่ยวกับวัตถุระเบิด อาวุธปืน ดอกไม้เพลิง รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับการขัดคำสั่ง คสช. จากเดิมที่ให้ขึ้นศาลทหาร เปลี่ยนให้มาขึ้นศาลยุติธรรมหรือศาลพลเรือนแทน อย่างไรก็ดี ศาลทหารจะยังเป็นผู้พิจารณาคดีเดิมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และคงค้างการพิจารณาของศาลทหารอยู่อีก 500 คดี จากทั้งหมด 1,500 คดี ส่วนผู้กระทำความผิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งยังมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกอยู่ จะยังคงถูกพิจารณาคดีในศาลทหารต่อไป
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การโอนคดีในศาลทหารมาพิจารณาในศาลปกติไม่ได้เป็นไปเพราะได้รับแรงกดดันจากองค์กรระหว่างประเทศ แต่ดำเนินการเพื่อความสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ประชาชนมีความเข้าใจเจตนาของ คสช. จึงมีการผ่อนคลายสถานการณ์ซึ่งจะเป็นการเตรียมไปสู่การเลือกตั้งต่อไป
ขณะที่คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล หรือไอซีเจ ได้แสดงความยินดีที่ คสช.จะยุติการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหาร แต่ยังเห็นว่าไทยยังคงต้องดำเนินการอีกมากเพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ โดยที่ผ่านมามีพลเรือนเกือบ 2,000 รายที่ต้องเผชิญกับการพิจารณาคดีอย่างไม่เป็นธรรมในศาลทหาร ไอซีเจยังเรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีต่อพลเรือนที่คงค้างในศาลทหารนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อสองปีที่แล้วด้วย
Post A Comment:
0 comments: