โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา: โครงการสร้างความเจริญและความมั่นคงด้านพลังงาน ท่ามกลางข้อกังขาด้านสิ่งแวดล้อมและวิถีชุมชน
อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา กลายเป็นพื้นที่ความขัดแย้งในระดับชุมชนมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว หลังจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. กำหนดแผนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังผลิต 2,200 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคต ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2558-2579 กับเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าทั้งในภาคใต้ และของประเทศ
อย่างไรก็ดีโครงการนี้มีผลให้ชาวบ้านราว 150 ครัวเรือนต้องถูกเวนคืนที่ดิน ชาวบ้านหลายคนกังวลว่าสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและวิถีชีวิตของพวกตนต้องเปลี่ยนไป อย่างไรก็ดี มีชาวบ้านบางส่วนที่สนับสนุนและเชื่อว่าโครงการจะนำความเจริญมาสู่พื้นที่เช่นกัน
ว่าที่ พ.ต.อนุชาต ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อมโครงการ กฟผ. ยอมรับว่า โรงไฟฟ้าอาจสร้างผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของชุมชนโดยรอบ แต่จะใช้เทคโนโลยีช่วยควบคุมให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด อย่างไรก็ดี ทางโครงการยังไม่ได้กำหนดการเยียวยาหากเกิดเหตุที่ส่งผลกระทบร้ายแรง เพราะเชื่อมั่นว่าจะไม่มีผลกระทบ แต่หากมีเหตุดังกล่าวขึ้นก็จะหยุดการผลิตทันที
ที่ผ่านมา นักวิชาการหลายคนแสดงความกังวลโดยชี้ว่า ยังไม่มีการให้ความรู้ที่ครบถ้วนรอบด้านแก่ชาวบ้านในพื้นที่ และขาดการถกเถียงทางวิชาการจากทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้าน จึงทำให้ไม่วางใจต่อกระบวนการของ กฟผ.
ด้าน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ตั้งข้อสังเกตกับบีบีซีไทยว่า โครงการขนาดใหญ่อย่าง โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา รวมถึงท่าเรือน้ำลึกในพื้นที่ภาคใต้นั้นไม่ใช่โครงการที่มีความจำเป็นมากนัก การก่อสร้างโครงการเหล่านี้ทำให้มองได้ว่ามีความพยายามทำให้พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างมีความพร้อมสำหรับโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่จะตามมา
ปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ตามความเห็นของคณะผู้ชำนาญการสิ่งแวดล้อมเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่ง กฟผ. ได้ดำเนินการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าเทพาครบทั้ง 3 ครั้งแล้ว และยืนยันเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวต่อไป เพื่อมิให้ประเทศต้องฝากอนาคตไว้กับก๊าซธรรมชาติที่มีราคาแพง
Post A Comment:
0 comments: