
ไทยเฝ้าระวังการต่อสู้ในรัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา ขณะที่เครือข่ายประชาชนแนะยุติโครงการสร้างเขื่อนที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชน
ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำเมียนมารายงานว่า กองทัพกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) ปะทะกับกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ซึ่งร่วมมือกับกองทัพรัฐบาลเมียนมา ที่บริเวณน้ำตกโจ่งถ่อ จังหวัดลายปอย ในรัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา ไม่ห่างจากชายแดนทางตอนเหนือของไทย เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ทำให้ผู้อพยพจำนวนมากหลบหนีไปยังเมืองมไยจีงู ชายแดนเมียนมา ซึ่งผู้อพยพทั้งหมดเป็นพลเรือน รวมถึงเด็ก สตรี และคนชรา
ขณะเดียวกัน เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำสาละวิน ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 15 ก.ย. ระบุว่าการสู้รบในรัฐกะเหรี่ยง ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหนีภัยสงครามกว่า 3,000 คน และการปะทะกันในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับโครงการสร้างเขื่อนฮัตจีบนแม่น้ำสาละวินในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งถูกผลักดันโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกองทัพเมียนมาสั่งเพิ่มกำลังทหารเข้าไปในรัฐกะเหรี่ยงเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อปฏิบัติภารกิจเกี่ยวข้องกับการสำรวจและแผ้วถางพื้นที่รอบๆ โครงการเขื่อนฮัตจี ซึ่งเป็นพื้นที่ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกองกำลังในรัฐกะเหรี่ยงและกองทัพเมียนมา
แถลงการณ์ของเครือข่ายประชาชนลุ่มแม่น้ำสาละวินระบุว่าการสู้รบระหว่างกองกำลังต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทำให้ประชาชนในรัฐกะเหรี่ยงพลัดถิ่นที่อยู่ และมีผู้หนีภัยมายังชายแดนไทยหลายหมื่นคน จนปัจจุบันก็ยังอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ไม่สามารถคืนสู่ถิ่นฐานได้ ทางเครือข่ายฯ จึงเรียกร้องให้ กฟผ.และรัฐบาลไทย ยกเลิกโครงการเขื่อนบนแม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นเหตุให้กองทัพเมียนมานำกำลังทหารเข้าควบคุมพื้นที่เตรียมก่อสร้างเขื่อน ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและขัดขวางกระบวนการเจรจาสันติภาพเมียนมา ทั้งยังมีคำสั่งจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทยให้ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าวอยู่ในขณะนี้ หากว่ารัฐบาลไทยกับ กฟผ.เดินหน้าผลักดันโครงการต่อ อาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของการก่อสงครามและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม ไทยรัฐออนไลน์และผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า นายสืบพงษ์ นิ่มพูลสวัสดิ์ นายอำเภอท่าสองยาง จ.ตาก พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง เดินทางไปตรวจสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ที่บ้านแม่ตะวอ ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง และบริเวณท่าเรือบ้านแม่ตะวอ ริมแม่น้ำเมย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพื้นที่สู้รบในรัฐกะเหรี่ยง พบสถานการณ์โดยรวมในฝั่งไทยเป็นปกติ ไม่มีผู้อพยพจากฝั่งเมียนมาข้ามมาระลอกใหม่ตามที่เคยมีข่าวออกมาก่อนหน้า พร้อมระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฝั่งเมียนมาห่างจากชายแดนไทยประมาณ 7-8 กม. จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบใดๆ ต่อฝั่งไทย แต่เพื่อความปลอดภัย นายอำเภอท่าสองยางได้มีคำสั่งบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดูแลติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด และเตรียมแผนซักซ้อมการเผชิญเหตุหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

Post A Comment:
0 comments: