About

About
woywhyweb

slider

Recent

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

คลังบทความของบล็อก

Navigation

ภาครัฐและเอกชนชูนโยบายเศรษฐกิจชายแดนใต้หยุดความรุนแรง เล็งหนุนทุนจีนร่วมมือทุนท้องถิ่น

บีบีซีไทย - BBC Thai

ภาครัฐและเอกชนชูนโยบายเศรษฐกิจชายแดนใต้หยุดความรุนแรง เล็งหนุนทุนจีนร่วมมือทุนท้องถิ่น

ตัวแทนหอการค้า หน่วยงานความมั่นคง และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เตรียมผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะภาคเกษตรและแปรรูป เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่ ลดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การก่อเหตุรุนแรง สนองนโยบายสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศระหว่างลงพื้นที่ จ.นราธิวาสเมื่อเดือน ก.ค. แต่สื่อมวลชนซึ่งติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้เตือนรัฐระวังภัยการส่งออกความรุนแรงจากพื้นที่สามจังหวัด พร้อมแนะรัฐฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ก่อนดำเนินโครงการต่างๆ

นายศิริชัย ปิติเจริญ ประธานหอการค้า จ.ปัตตานี ซึ่งเข้าร่วมวงเสวนา “โมเดลเศรษฐกิจ ดับไฟใต้” จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย วันนี้ (8 ก.ย.) เปิดเผยว่าตัวแทนภาคเอกชนในจังหวัดชายแดนใต้จะสานต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล เพราะที่ผ่านมามีการถกเถียงว่าควรทำพื้นที่ให้สงบก่อนจึงค่อยพัฒนาเศรษฐกิจ แต่หลายฝ่ายมองว่าหากผลักดันให้เศรษฐกิจดีก็จะช่วยลดการก่อเหตุรุนแรงได้ เพราะประชาชนในพื้นที่มีชีวิตที่ดีขึ้น และเมื่อรัฐบาลสนับสนุน ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำให้เกิดเส้นเลือดใหม่เพื่อหล่อเลี้ยงประชาชนในพื้นที่ นอกเหนือจากการทำประมงและปลูกยางพารา โดยมองไปที่แนวทางส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันและการจัดทำโรงงานแปรรูปปาล์มน้ำมัน

ตัวแทนหอการค้าย้ำว่าจะเน้นการลงทุนจากคนในพื้นที่เป็นหลัก รวมถึงวางระบบให้คนกลุ่มเดียวกันทำตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้เกิดความสำนึกปกป้องธุรกิจของตนและไม่ละทิ้งไปโดยง่าย ทั้งยังได้ชักชวนนักลงทุนจากประเทศจีนให้เข้าไปสำรวจพื้นที่ โดยระบุว่านักลงทุนจีนแตกต่างจากนักลงทุนประเทศอื่นๆ เพราะชาวจีนกล้าลงไปในพื้นที่หลังจากเกิดเหตุระเบิด 7 จังหวัดในเดือน ส.ค. ซึ่งถือเป็นการก้าวข้ามความกลัว แต่จะมุ่งเน้นที่ทุนขนาดกลางมากกว่าทุนขนาดใหญ่ เพราะทุนขนาดกลางจะขับเคลื่อนโครงการใหม่ๆ ได้คล่องตัวกว่า

ด้านนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เผยว่าที่ผ่านมาไม่มีการลงทุนเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนใต้มากนัก เพราะยังจูงใจไม่พอ จึงได้มีการพูดคุยกับรองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพื่อหายาแรงในการจูงใจนักลงทุน โดยมีการตั้งเป้าผลักดันเขตเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนใต้ 3 แห่งได้แก่ อ.เบตง จ.ยะลา อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยจะใช้งบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาทในระยะเวลา 4 ปี และทางบีโอไอจะจัดหามาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เพิ่มเติม โดยนักลงทุนที่ให้ความสนใจมีทั้งจากจีนและมาเลเซีย รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่ในประเทศไทย ทั้งเครือสหพัฒน์และซีพี รวมถึงบริษัทแช่แข็งด้านการประมง แต่นักลงทุนกลุ่มนี้จะเป็นส่วนหนุนเสริมทุนในพื้นที่เท่านั้น และรัฐบาลจะมีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก ผู้นำมาเลเซีย เพื่อหารือเรื่องการสร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างประเทศแห่งที่สอง รวมถึงเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟเพิ่มเติม

ขณะที่ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.ศปป. 5 กอ.รมน.) เผยว่าเป้าหมายระยะสั้นของการทำงานเพื่อสันติสุขในพื้นที่ รวมถึงแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจ คือการหยุดความรุนแรง และลดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การก่อเหตุหรือการเข้าร่วมกับกลุ่มก่อเหตุความรุนแรง โดยที่ผ่านมายอมรับว่าในพื้นที่ยังมีช่องว่างเรื่องการข่าว ส่งผลกระทบต่อการป้องกันการก่อเหตุ แต่ก็มีความคืบหน้าเช่นกัน โดยยกตัวอย่างโครงการ “พาคนกลับบ้าน” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ต้องสงสัยว่าเคยเข้าร่วมกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐเข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดีตามกฎหมาย มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 3,000 คน เชื่อว่าโครงการนี้ช่วยลดจำนวนผู้เข้าร่วมกลุ่มก่อเหตุได้

ด้านนายปกรณ์ พึ่งเนตร บรรณาธิการศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา ซึ่งติดตามรายงานสถานการณ์จังหวัดชายแดนใต้มาตลอด มองว่าสามจังหวัดชายแดนใต้เป็นเมืองที่เศรษฐกิจรากหญ้ายังดำเนินไปได้ เพราะมีกำลังซื้อจากทหารตำรวจลงไปในพื้นที่หลายหมื่นคน แต่ที่มีปัญหาหนักคือราคายางตกต่ำ และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่จะนำไปสู่การสร้าง GDP ยังมีน้อย และคงต้องไปดูแผนของรัฐว่าจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนคนในพื้นที่พยายามปรับตัวอยู่ตลอดท่ามกลางความไม่สงบ แต่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันระวังไม่ให้สามจังหวัดกลายเป็นพื้นที่ส่งออกความรุนแรง เนื่องจากผู้ที่ก่อเหตุในพื้นที่อาจไม่ได้มีความเป็นเอกภาพกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐที่เข้าร่วมในกระบวนการพูดคุย

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงปัญหาโครงการลงทุนในจังหวัดชายแดนใต้ของรัฐบาลชุดก่อนมีปัญหาถูกทิ้งร้างเพราะผู้ก่อสร้างทิ้งงานเนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรง รวมถึงปัญหาชาวบ้านในพื้นที่คัดค้านการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ทางรัฐจะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างไร นายภาณุยืนยันว่าการสนับสนุนทุนในพื้นที่จะช่วยให้กลุ่มทุนมีสำนึกในการปกป้องธุรกิจของตนมากขึ้น และจะไม่มีการดำเนินโครงการลงทุนต่างๆ หากไม่ได้รับความเห็นชอบของประชาชนในพื้นที่
Share
Banner

Post A Comment:

0 comments: