ป้องกันและเฝ้าระวังไวรัสซิก้า

หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่เชื้อไวรัสซิก้า คุมเข้มด่านผ่านเข้า-ออกชายแดน กรุงเทพฯ ระดมฉีดยุงในเขตสาทรซ้ำป้องกันการแพร่ระบาดหลังพบผู้ติดเชื้อเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ. มุกดาหาร ซึ่งเป็นจุดผ่านชายแดนไทย-ลาว และ จ.สุรินทร์และสระแก้ว ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ประชาสัมพันธ์และเฝ้าระวังโรคไวรัสซิก้าในจุดที่โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า –ออกจำนวนมาก ได้แก่ บริเวณด่านสะพานมิตรภาพไทย –ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร- แขวงสะหวันนะเขต ) ด่านท่าเทียบเรือ – ท่าข้ามเทศบาลมุกดาหาร ด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ และจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ขณะที่ จ. อุบลราชธานี มีการเปิดจุดคัดกรองโรคไวรัสซิก้า ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานีไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีระบุว่าการเปิดจุดคัดกรองดังกล่าวเนื่องจากกระทรวงมหาดไทยขอความร่วมมือให้ทุกจังหวัดได้มีการเฝ้าระวังป้องกันโรคไวรัสซิกาอย่างเข้มข้น โดยจุดคัดกรอง ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกน และเครื่องวัดอุณหภูมิผู้โดยสารจะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายหากพบอุณหภูมิสูงผิดปกติมีไข้ ออกผื่น ตาแดง ถือว่ามีอาการเข้าข่ายต้องสงสัยจะกักตัวไว้เพื่อสอบถามประวัติตามระบบการคัดกรองให้คำแนะนำและดำเนินการตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขต่อไป

อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่ามีผู้ป่วยที่ต้องสงสัยหรือมีความสุ่มเสี่ยง เดินทางผ่านเข้ามาในประเทศไทยผ่านจุดตรวจใน 4 จังหวัดแต่อย่างใด

สำหรับกรุงเทพฯ วันนี้ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานครได้ระดมฉีดพ่นยุงในเขตสาทรอีกครั้ง โดยครั้งนี้ฉีดพ่นในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ วิทยาเขตพระนครใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่เฝ้าระวัง หลังพบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสซิก้า 21 คนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดย พญ. วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร แถลงข่าววานนี้ย้ำว่ากรุงเทพมหานครดำเนินการควบคุมการระบาดเชื้อไวรัสซิก้าอย่างเข้มข้นหลังพบการติดเชื้อไวรัสซิก้ารอบล่าสุด และยังต้องติดตามในต่างจังหวัดด้วย เนื่องจากผู้ที่ตรวจพบเชื้อบางส่วนเดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมทั้งย้ำประชาชนร่วมกำจัดยุงลายในบริเวณที่อยู่อาศัย และโรคดังกล่าวไม่ทำให้เสียชีวิต แต่ต้องจับตาผลกระทบหากเกิดการติดเชื้อในหญิงมีครรภ์ระยะแรก เนื่องจากอาจกระทบต่อเด็กในครรภ์ ทำให้เกิดภาวะสมองและศีรษะเล็กกว่าปกติ

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคระบุว่า ไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสซิก้าสะสมตั้งแต่ต้นปีถึงเดือน มิ.ย. 97 ราย ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของการระบาดทั่วทั้งจังหวัด แต่มีการพบแบบกระจายตัวไปในพื้นที่ต่างๆ รวม 16 อำเภอใน 10 จังหวัด