
นักสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคหวังอะไรกับการประชุมอาเซียนที่ลาว ?
องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนวิพากษ์อาเซียนเพิกเฉยต่อปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค ด้านผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนย้ำอาเซียนยึดหลักนิติรัฐ และหลักสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าอาเซียนไม่ควรใช้หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในอย่างพร่ำเพรื่อ
นายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์ ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (6-8 ก.ย.) โดยวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนว่าอาเซียนทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน จนทำให้ดูเหมือนจะเป็น “สโมสรแห่งการละเมิดสิทธิมนุษยชน”
เขาตั้งข้อสังเกตว่าการประชุมครั้งนี้อาจไม่มีการหยิบยกประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคอาเซียนขึ้นมาหารือ แม้กำลังมีข่าวคราวเกี่ยวกับประเทศเจ้าภาพอย่างลาวในเรื่องการอุ้มหายบุคคลที่มีความเห็นต่างจากรัฐ อย่างนายสมบัด สมพอน ขณะที่สมาชิกชาติอื่นก็ไม่มีความจริงใจที่จะแก้ปัญหานี้ แม้ว่าผู้นำจะได้ลงนามในปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแล้วก็ตาม เขาเห็นว่าผู้นำโลกควรสื่อข้อความอย่างชัดเจนต่อลาวว่าไม่ควรปิดบังเรื่องการอุ้มหาย และนายสมบัดจะต้องปรากฏตัว
ด้าน ดร. เสรี นนทสูติ ผู้แทนประเทศไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาล อาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรือ AICHR เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่ามีความกังวลในประเด็นที่ฮิวแมนไรท์วอทช์มีความเป็นห่วง แต่ยืนยันได้ว่าอาเซียนไม่ได้เป็นสมาคมที่ช่วยกันละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่เป้าหมายของอาเซียนคือการร่วมมือกันทำงานเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน โดยยึดทั้งหลักนิติรัฐ และหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งหากประเทศสมาชิกละเมิดสิทธิมนุษยชนเสียเอง ก็เท่ากับว่าได้ละเมิดสิ่งที่ได้ลงนามเอาไว้
ดร. เสรี บอกว่า AICHR ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 มีความก้าวหน้าในการทำให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงสิทธิมนุษยชน แต่การแก้ปัญหา การตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการแจ้งไปยังรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากในเอกสารกำหนดอำนาจหน้าที่ของ AICHR ยังไม่ได้ระบุชัดเจน ขณะที่ผู้แทนหลายคนยังมีตำแหน่งในรัฐบาลหรืออยู่ในองค์กรของรัฐบาล จึงทำให้การดูแลปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นอิสระทำไม่ได้เท่าที่ควร
ดร.เสรี กล่าวว่าตนได้เสนอให้มีการกำหนดกระบวนการที่จะแก้ไขปรับปรุงเอกสารฉบับนี้ เพราะหากกลไกสิทธิมนุษยชนยังขาดประสิทธิภาพในการให้คุ้มครองประชาชนอาเซียน ก็ยังเห็นว่าประชาคมนี้ยังขาดความจริงจังและจริงใจในปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนอยู่
ในส่วนของหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน ดร. เสรี ระบุว่า ที่ผ่านมาประชาคมอาเซียนอาจเพิกเฉยในบางเรื่อง แต่กลับให้ความสำคัญในบางเรื่อง เช่น ประเด็นหมอกควัน เป็นต้น เพราะฉะนั้นประชาคมควรทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้นว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ควรใช้หลักการนี้อย่างพร่ำเพรื่อ “เพราะถ้าเพื่อนบ้านอยู่ไม่สงบสุข เราจะอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไร”
ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) บอกกับบีบีซีไทยว่า การทำงานของอาเซียนที่กำหนดว่าการเสนอความเห็นทุกเรื่องจะต้องออกมาเป็นฉันทามติ ทำให้อาเซียนไม่มีศักยภาพเพียงพอในการปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เช่น เมื่อทางการไทยหยิบยกเรื่องปัญหาของชาวโรฮิงญาขึ้นมา แต่มีประเทศใดประเทศหนึ่งคัดค้าน เรื่องนี้ก็จะตกไป หรือในกรณีที่มีนักกิจกรรมชาวเขมรถูกฆ่า กัมพูชาเองก็จะบอกว่าเป็นเรื่องภายใน ทำให้สิ่งที่เขียนในปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนไม่สามารถแก้ไขปัญญาด้านนี้ได้จริง แม้แต่เรื่องผู้หญิง หรือประเด็นด้านความหลากหลายทางเพศซึ่งประเทศมุสลิมในอาเซียนคัดค้าน ก็จะทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
นางอังคณา ระบุด้วยว่า ทางออกในเรื่องนี้คือต้องแก้ไขปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และหยิบยกประเด็นที่เกี่ยวเนื่องมาพูดถึงให้มากขึ้น รวมทั้งเรื่องการทำธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิ เช่น ไทยไปตั้งโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศเพื่อนบ้านและก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิทธิก็ยังไม่เคยถูกพูดถึงอย่างจริงจัง
Post A Comment:
0 comments: